top of page

ทำไมต้องวัดความดันก่อนถอนฟัน และทำไมถึงมีข้อควรระวังในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง

Updated: Feb 17

หลายคนอาจสงสัยว่า “ทำไมก่อนถอนฟัน คุณหมอถึงต้องวัดความดันโลหิต?” หรือ “หากเป็นความดันโลหิตสูง จะสามารถทำฟันได้หรือไม่?” บทความนี้จะช่วยอธิบายเหตุผลและความสำคัญให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นค่ะ

 

1. ความสำคัญของการวัดความดันโลหิตก่อนทำฟัน

  1. คัดกรองภาวะความดันโลหิตสูง:

    • คนไทยจำนวนมากไม่ทราบว่าตนเองเป็นความดันโลหิตสูง เพราะช่วงแรกอาจไม่มีอาการชัดเจน

    • การวัดความดันก่อนทำฟัน จึงช่วยค้นหาหรือยืนยันภาวะที่ซ่อนอยู่ เพื่อปรับการดูแลให้เหมาะสม

  2. ป้องกันความเสี่ยงระหว่างการรักษา:

    • การถอนฟันหรือทำฟันบางอย่าง เช่น การผ่าฟันคุด การผ่าตัดเหงือก อาจทำให้เกิดความเครียดหรือวิตกกังวล ซึ่งกระตุ้นให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้

    • หากความดันสูงมากเกินไป อาจเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกมาก หรืออาการหัวใจและหลอดเลือดอื่น ๆ ได้

  3. ประเมินความปลอดภัยของขั้นตอนการรักษา:

    • ทันตแพทย์จำเป็นต้องทราบค่าวัดความดันในปัจจุบัน เพื่อวางแผนการรักษาและเลือกใช้ยาชา (โดยเฉพาะยาชาที่ผสมอะดรีนาลีน) ได้อย่างเหมาะสม

    • หากความดันโลหิตสูงมากเกินไป อาจต้องเลื่อนการรักษาไปก่อน เพื่อให้ผู้ป่วยได้ควบคุมความดันให้ดีขึ้น


 

2. ทำไมความดันโลหิตสูงถึง “อาจ” ห้ามหรือชะลอการถอนฟัน?

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “ไม่ใช่ผู้ป่วยความดันสูงทุกคนที่ห้ามทำฟัน” แต่เป็นผู้ป่วยที่ควบคุมความดันโลหิตได้ไม่ดีหรือมีระดับความดันสูงมาก (เช่น ค่าความดันตัวบน >160-180 mmHg หรือตัวล่าง >100-110 mmHg) ซึ่งอาจมีความเสี่ยง ดังนี้:

  1. เสี่ยงต่อภาวะเลือดออกมาก (Bleeding)

    • ความดันที่สูงเกินไปจะทำให้หลอดเลือดบีบตัวหรือคลายตัวไม่ปกติ ขณะถอนฟันหรือผ่าตัดเหงือกจึงอาจมีเลือดออกมากกว่าปกติ

    • ผู้ป่วยหลายรายยังรับประทานยาละลายลิ่มเลือด (เช่น แอสไพริน หรือยาต้านเกล็ดเลือด) ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเลือดออกซ้ำซ้อน

  2. เสี่ยงหัวใจวายหรือเส้นเลือดในสมองแตก

    • หากความดันสูงอยู่แล้ว และเกิดความเครียดหรือตื่นเต้นในขณะทำฟัน อาจทำให้ความดันพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนเสี่ยงต่อโรคหัวใจหรือหลอดเลือดสมอง

  3. แทรกซ้อนจากยาชาที่มีอะดรีนาลีน

    • ยาชาแบบผสมอะดรีนาลีนมีประโยชน์ในการห้ามเลือดและยืดเวลาชา แต่ในผู้ป่วยความดันสูงที่คุมไม่ดี อะดรีนาลีนอาจกระตุ้นให้ความดันสูงขึ้นไปอีก

  4. การหายของแผลช้าลง

    • ความดันสูงเรื้อรัง ส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดบริเวณที่ถอนฟันหรือผ่าตัดได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เต็มที่ อาจทำให้แผลหายช้ากว่าคนทั่วไป


 

3. ข้อปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ต้องการทำฟัน

  1. ควบคุมความดันให้ดีอยู่เสมอ

    • รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์สั่ง

    • ดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น งดสูบบุหรี่ ลดอาหารเค็ม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

  2. แจ้งทันตแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัวและยาที่ทาน

    • หากคุณกำลังทานยาละลายลิ่มเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด ควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบ เพื่อวางแผนการห้ามเลือดที่เหมาะสม

    • หากมีอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น เจ็บหน้าอก หรือมีความดันขึ้นสูงก่อนถึงวันนัด ควรแจ้งคลินิกทันตกรรมล่วงหน้า

  3. วัดความดันก่อน-หลังทำฟัน

    • ทันตแพทย์หลายท่านจะวัดความดันก่อนเริ่มทำหัตถการทุกครั้ง เพื่อประเมินความเสี่ยง

    • ในบางกรณีอาจต้องวัดระหว่างทำฟันด้วย หากหัตถการนั้นใช้เวลานานหรือมีความซับซ้อน

  4. เลือกเวลานัดหมายที่เหมาะสม

    • ควรนัดทำฟันช่วงเช้าหรือเวลาที่คุณรู้สึกสบายตัว ไม่เหนื่อยหรือต้องรีบเร่งจากการทำงาน

    • หากคุณมีอาการกังวลมาก อาจปรึกษาทันตแพทย์เพื่อใช้วิธีลดความเครียด เช่น สบายนั่งฟังเพลง หรือการใช้ยาชาแบบพิเศษ/ยากล่อมประสาทอย่างอ่อน (ขึ้นกับดุลยพินิจทันตแพทย์)


 

4. สรุป

  • ทำไมต้องวัดความดัน? เพราะการทราบค่าความดันช่วยให้ทันตแพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงทั้งภาวะเลือดออกมากและภาวะหัวใจหรือหลอดเลือดสมอง

  • คนเป็นความดันสูงห้ามทำฟันจริงไหม? ไม่ใช่ทุกคนจะห้าม แต่คนที่ความดันสูงมากหรือควบคุมไม่อยู่ ควรปรึกษาแพทย์และเลื่อนการทำฟันไปก่อน จนกว่าจะมีการควบคุมความดันให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย

 

เพราะสุขภาพช่องปากสัมพันธ์กับสุขภาพร่างกายโดยรวม หากคุณมีความดันโลหิตสูง การพบคุณหมอฟันเป็นประจำจะช่วยป้องกันและลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ ขอให้ทุกท่านใส่ใจสุขภาพ พบทันตแพทย์สม่ำเสมอ และดูแลความดันโลหิตให้ดีนะคะ! Image Credit:




Comments


bottom of page